วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ ๑.๒ การเคลือนย้ายถิ่นจากเดียนเบียนฟูสู่ นครจำปาศักดิ์

๑.๒ การอพยพเข้ามากรุงศรีสัตนาคตหุต

 

พระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้รวบรวมลาวให้เป็นบึกแผ่น
  


พระธาตุหลวง  กรุงศรีสัตนาคนหุต / เวียงจันทน์

                    หลังจากการถูกรุกรานจากประเทศจีนจึงได้อพยพเคลื่อนตัวลงมาทิศใต้มาเรื่อยๆจนได้มาตั้งบ้านเรื่อนเป็นบึกแผ่นในดินแดนล้านช้างก็เป็นช่วงพ.ศ. ๒๐๙๐ สมัยของ เจ้าไชยเชษฐาหรือเชษฐวังโส  เป็นชื่อกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของชาวลาว ผู้ซึ่งกอบกู้ให้ชาวลาวเป็นบึกแผ่น (แต่อย่างไรก็ตามนามสกุลผมนั้นไม่มาจากพระนามของพระไชยเชษฐาแต่อย่างใด )ด้วยความเก่งกล้าของพระองค์จึงได้รวมดิแดนหลายงเมืองเข้าด้วยและเปลี่ยนชื่อเป็น"กรุงศรีสัตนาคตหุต"และทรงพระนามว่า "พระไชยเชษฐาธราช"  แต่ความสงบสุขนั้นก็มีอยู่ได้ไม่นานจากการสวรรนคตของพระองค์ปี พ.ศ. ๒๑๑๔ ได้ทำให้ดินแดนนั้นเกิดความวุ่นวายไปทั่วแผ่นดินอันเนื่องมาจากการสืบทอดราชสมบัติ ช่วงนั้นเอง กรุงศรีสัตนาคตหุต ก็ได้แยกออกเป็น ล้านนา และล้านช้าง  โดยล้านนาได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าช่วงปลายรัชสมัยของ พระไชยเชษฐธิราช และต่อมาล้านช้างก็เสียกรุงตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเช่นกันเมื่อปี พ.ศ.๒๑๑๔-๒๑๑๘ จึงได้เสียดินแดนให้กับพระเจ้าบุเรงนองไป


ตราสัญญลักษณ์อาณาจักรล้านช้าง

              หลังจากการเสียเมืองให้กับพม่าแล้วเมืองล้านช้างยังคงไม่มั่นคงหลังจากสมัยพระสุริยาวงศาสวรรนคตเมื่อ พ.ศ.๒๒๓๔ เมืองล้านช้างได้ถูกแบ่งออกเป็นสองเมืองคือ เมืองเวียงจันท์ และเมืองหลวงพระบาง ไม่ว่าจะเป็นชาติใดในโลกถ้าประชาติขาดความสามัคคีในชาติแล้วก็ล้วนมีจุดจบเช่นกัน ไม่ว่า ลาว ไทย หรือประเทศอื่นเช่นกัน จากการขาดความสามัคคีนั้นเองต่อมา เมืองหลวงพระเข้ากับพม่ายกทัพมาตีเมือง เวียงจันท์ ทำให้อาณาจักรเวียงจันท์ ล้มสะลายตัวลงเป็นดินแดนของไทย ***ต่อมากลุ่มนามสกุลผมเองได้อพยพจากเวียงจันท์เพื่อหลบหลีกภัยสงครามได้โดยมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือ พระครูโพนเสม็ด หรือโพนสะเม็ก (พระครูขี้หอม) พร้อมด้วยบุตรของพระสุริยาวงศาในปี พ.ศ.๒๓๑๓ พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ชาวบ้านได้พาพรรคพวกอพยพจำนวนคน ๓,๐๐๐ คน จากล้านช้าง(เวียงจันท์) ลงมาทางใต้เรื่อยๆจนมาถึงดินแดนของกัมพูชา อยู่ที่ตำบล จะโรยจังวาเปลียนชื่อมาเป็นบ้านแหลม นครพนมเปญ

แผนที่เมืองโบราณ
               จากการเก็บส่วนจำนวนมากของพระเจ้ากัมพูชาโดยเก็บมากถึง ครอบครัวละ ๘ บาทจึงได้ทำให้เกิดการอพยพอีกครั้งหนึ่งหาไปหาดินแดนที่ใหม่ลัดเลาะตามแม่น้ำโขงขึ้นมา จึงได้ตั้งบ้านเรื่อนที่ เกาะหาดเกาะทรายเมื่อ พ.ศ.๒๓๕๔ (ปัจจุบันเป็นนครจำปาศักดิ์) มีต่อตอนหน้า

ที่กล่าวมาคือการอธิบายเส้นทางการอพยพและบุคคลที่สำคัญในประวัติศาสตร์ลาวและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้ทำการอพยพมาอยู่ที่ นครจำปาศักดิ์และนามสกุล "ไชยเชษฐ์" จะเกิดขึ้นหรือก่อกำเนิดเมื่อใดโปรดติดตามต่อหน้านะครับ..
ที่มา: ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 70 เรื่อง เมืองนครจำปาศักดิ์
เรียเรียงโดย คอยท่า ปราโมช, ม.จ, 2399-2483

ตอนที่ ๑.๑ ที่มาของนามสกุล


ประวัติที่มาของตระกูลไชยเชษฐ์

ลักษณะการแต่งการของหญิงเผ่าภูไท ที่มา:http://guideguru.in.th/node/34

ประเทศลาวถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับไทย มีวัฒนธรรมไม่แตกต่างกันนัก เนื่องจากเคยอาศัยพื้นที่เดียวกันมาแต่โบราณ โดยอพยพมาจากจีน เมื่อตอนอยู่อาณาจักรอ้ายลาวเมื่อประมาณ พ.ศ. ๖๑๒ ก็ได้นับถือพุทธศาสนาแบบมหายานมาก่อน เมื่อถูกจีนรุกราน จึงได้อพยพมาอยู่ในเมืองล้านช้างประมาณ พ.ศ.๑๒๙๐ ก็กลับมานับถือผีสางเทวดาดังเดิม  โดยนามสกุลของผมนั้นเป็นเชื้อสายของเผ่า ภูไท ที่ได้ทำการอพยพมาจากดินแดนล้านช้างเช่นกัน อย่างอื่นเราควรทราบว่าลักษณะของคนภูไทนั้นมีกี่ประเภท การแบ่งชาวผู้ไทออกเป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะการแต่งกายและบริเวณที่ตั้งถิ่นฐาน ได้แก่ กลุ่มผู้ไทขาว”  กลุ่มผู้ไทดำและผู้ไทแดง  กลุ่มผู้ไทขาวตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามต่อพรมแดนของประเทศจีน ได้แก่ เมืองไล เมืองบาง เมืองมุน เมืองเจียน  มีการใช้ธรรมเนียมต่างๆ อย่างชาวจีน

การแต่งการของสาวภูไท
ที่มา:http://phuthaiwaritchaphum.blogspot.com/


ส่วนผู้ไทในภาคอีสานจัดเป็น ผู้ไทดำ”  อยู่บริเวณเมืองแถง เมืองควาย เมืองคุง  เมืองม่วย  เมืองลา  เมืองโมะ เมืองหวัด  เมืองชา มีผิวพรรณคล้ายผู้ไทขาวแต่คล้ำกว่าเล็กน้อย  นิยมแต่งกายด้วยผ้าฝ้ายย้อมครามเข้ม  และอาศัยแม่น้ำดำเป็นแหล่งทำมาหากิน  สังเกตได้จากลักษณะธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติเป็นเกณฑ์หลัก เช่น การแต่งกาย พิธีศพ ทั้งสองกลุ่มใช้ภาษาพูดแบบเดียวกัน (นพดล ตั้งสกุล, 2548: 12 ; สุวิทย์ ธีรศาศวัต และ ณรงค์ อุปัญญ์, 2538:18)  การอพยพของชาวผู้ไทยเป็นจำนวนมากจากเมืองนาน้อยอ้อยหนู (ห่างจากเมืองแถงหรือเดียนเบียนฟูไปทางตะวันออกประมาณ 40 ก.ม.)  พระโพธิวงศาจารย์ (ติสโส อ้วน)  กล่าวไว้ในประวัติศาสตร์ชนชาติไทย  สาเหตุของการอพยพเกิดจากสาเหตุ 2 ประการ คือ ประการแรก บังเกิดการอัตคัดอดอย่าง”  สอง เกิดจากความขัดแย้งระหว่างท้าวก่าหัวหน้าของชาวผู้ไทกับเจ้าเมืองนาน้อยอ้อยหนู (ต้นฉบับเรียกเมืองน้ำน้อยอ้อยหนู)  ท้าวก่าจึงพาชาวผู้ไทชายหญิงประมาณหมื่นคนมาขอขึ้นกับเจ้าอนุรุทกุมาร  เจ้าเมืองเวียงจันทน์  เจ้าอนุรุทกุมารจึงให้ชาวผู้ไทไปตั้งถิ่นฐานที่เมืองวัง  ซึ่งเป็นป่าเขา  ไม่ค่อยมีที่ราบ  เป็นที่อยู่ของพวกข่า  ไม่มีใครปกครอง  ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะถิ่นที่อยู่และที่ทำกินเดิมของชาวผู้ไท (สุวิทย์ ธีรศาศวัต และ ณรงค์ อุปัญญ์, 2538:20-21) 

 นี้คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางจาก เดียนเบียนฟู(ทุ่งนาน้องอ้อยหนู) สู่ดินแดน หนองหารหลวง ดินแดนขอมโบราณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนามสกุล "ไชยเชษฐ์" โปรดติดตามตอนหน้านะครับ